เปิดจำหน่ายครั้งแรกสำหรับประชาชนไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ “กองทุน B-THAICG”  โดยบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด  เชิญนักลงทุนร่วมทำดีได้ง่ายๆ เพียงเลือกลงทุนผ่านกองทุน B-THAICG ซึ่งเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีธรรมาภิบาล

“บริษัทฯ ได้เปิดตัวกองทุนรวมบัวหลวงหุ้นธรรมาภิบาลไทย หรือ B-THAICG โดยเริ่มลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท ซึ่งทำให้คนทั่วไปสามารถซื้อทุกเดือนได้” นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด กล่าว

นางวรวรรณ  ยังกล่าวอีกว่า การลงทุนในกองทุนรวม B-THAICG ของผู้ถือหน่วย ย่อมเท่ากับเสมือนได้ร่วมกันทำความดีถึง 2 อย่าง ทำดีแรก คือ ลงทุนในหุ้นของกิจการที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี  และทำดีที่สอง คือ เงินค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนจะจัดสรรบางส่วนไปสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านคอร์รัปชั่น จึงเท่ากับได้ร่วมกันผลักดันให้คนในสังคมอย่างนักลงทุนได้ทำดีอีกทางด้วย

B-THAICG เป็นหนึ่งใน 11 กองทุน “โครงการกองทุนธรรมาภิบาลไทย” ด้วยคำขวัญที่ว่า “กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย สร้างสรรค์สังคม ใส่ใจผู้ลงทุน” ที่เป็นการรวมพลังของอุตสาหกรรมจัดการกองทุน ที่ต้องการเห็นสังคมไทยดีขึ้นในระยะยาว นอกเหนือจาก บลจ.บัวหลวง ได้แก่ บลจ.กรุงศรี (KFTHAICG)  บลจ.ทิสโก้  (TISESG)  บลจ.ทาลิส (TLEQ-THAICG)   บลจ.ไทยพานิชย์  (SCBTHAICG)  บลจ.ทหารไทย (TMB-THAICG)  และบลจ.กรุงไทย (KTBTHAICG)  ซึ่งทำการทยอยเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกนับแต่ไตรมาส 3 จนถึงสิ้นปีนี้  เหลืออีก 4 บลจ. กำลังจะทยอยเปิดจำหน่ายประกอบด้วย บลจ.ยูโอบี  บลจ.เอ็มเอฟซี บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.บางกอกแคปปิตอล

“ตัวเองก็เหมือนสถาปนิกที่ออกแบบงานเสร็จขั้นตอนต่อไปก็จะส่งต่อให้คนที่จะก่อร่างสร้างฐานให้เป็นจริง หรือ วิศวกรซึ่งหมายถึงทั้ง 11 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน”   “นางวรวรรณ ธาราภูมิ” ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนเคยกล่าวในงานแถลงข่าว “Thai CG Funds Kick off Conference กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย สร้างสรรค์สังคมไทย ใส่ใจผู้ลงทุน” เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2560

เป็นความจริงที่ นางวรวรรณมี “ดีเอ็นเอ” เป็น “สถาปนิก” เมื่อย้อนกลับไปดูเส้นทางชีวิต เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรก่อนศึกษาต่อปริญญาโท เอ็มบีเอ จาก University of North Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นได้เริ่มเส้นทางในงานตลาดทุนไทยมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเกษียนจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เมื่อต้นปี 2560  ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด

หลักวิชาภาวะผู้นำที่พูดถึง“ผู้นำแบบสถาปนิก”มีไม่เยอะมากอาจเพราะเป็นวิชาชีพเฉพาะ   ส่วนใหญ่สะท้อนเสียงในทิศทางเดียวกันว่า ผู้นำแบบสถาปนิกจะเป็นผู้ที่สามารถคาดการณ์ได้ถึงผลกระทบทางธุรกิจเสมอก่อนจะออกแบบงานให้มีทางเลือกที่เตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์นั้น

ในงานแถลงข่าวครั้งนั้น“นางวรวรรณ”สวมบทเป็นพิธีกรสัมภาษณ์ผู้บริหาร บลจ.ทั้ง 11 แห่งเพื่อวัดอุณหภูมิความพร้อม โดยได้ตั้งคำถามให้ผู้บริหารแต่ละ บลจ.แสดงความคิดเห็นแบบต่อภาพรวมทิศทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหน่วยหรือประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงข้อมูลที่เป็นกึ่งๆวิสัยทัศน์ผู้นำขององค์กร  ใน 2 ประเด็นหลัก คือ ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจและโอกาสของตลาดทุนในภาวะเศรษฐกิจผันผวนและหลักการในการบริหารกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทยอย่างไร

ในภาพรวมทุก บลจ.มีคำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า โอกาสสำหรับนักลงทุนและภาคตลาดทุนมีเสมอ หากมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาวที่ไม่หวังการทำกำไรระยะสั้นและนี่คือที่มาความมั่นใจที่ทำให้ทั้ง 11 บลจ.ที่เปิดจำหน่าย“กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย”ในช่วงนี้

“มีเสียงสะท้อนจากโบรกเกอร์และผู้ลงทุนตั้งแต่ต้นปีว่าปีนี้ตลาดหุ้นจืดเหมือนกินแกงจืดเต้าหู้หมูสับสร้างความเบื่อหน่ายแต่ก็ยังมีการลงทุนในบริษัทที่มีผลกำไรดี ทั้ง 11 บลจ.มีความเชื่อว่า ธุรกิจต่างๆ ของประเทศไทยจะผ่านพ้นไปได้แม้การลงทุนระยะสั้นราคาของหลักทรัพย์หรือดัชนีตลาดอาจไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเอิร์นนิงของบริษัท หรือแม้แต่ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับลดตัวลง บริษัทน้ำดีเหล่านี้ก็ยังยืนหยัดมาได้” นางวรวรรณกล่าวและว่า

ในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดทุนมีทางเลือกใหม่ๆเกิดขึ้นนักลงทุนสามารถลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มีธรรมาภิบาลสูงและต่อต้านคอร์รัปชันนอกจากจะสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้วยังตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนแบบยั้งยืนและสม่ำเสมอในระยะยาว พร้อมสร้างมิติใหม่ที่นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมในบริษัทที่รับผิดชอบต่อสังคม

ต้นทุนสำคัญที่ทำให้ “นางวรวรรณ” มีความเชื่อมั่นในกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย เนื่องจากมีประสบการณ์เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “กองทุนรวมคนไทยใจดี BKIND” ร่วมกับ “มูลนิธิเพื่อคนไทย” และ “สถาบันเช้นจ์ ฟิวชัน”  ในปี 2557 สมัยที่ยังนั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด

ส่วนความพิเศษของกองทุนรวมคนไทยใจดีคือลงทุนในหุ้น E S G C และยังมีนโยบายแบ่งปันเงินของนักลงทุนผ่านช่องทางค่าบริหารจัดการของ บลจ. บัวหลวง ไปสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมหรือองค์กรสาธาณประโยชน์ต่างๆเพื่อแก้ปัญหาและสร้างสรรค์สังคมไทยพร้อมมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาโครงการที่มีองค์ประกอบจากบุคคลภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือและเชี่ยวชาญงานด้านพัฒนาสังคมเป็นผู้ร่วมพิจารณาโครงการ คอยกำกับ ติดตามการบริหารเงินของนักลงทุนให้เกิดการสร้างผลลัพธ์ทางสังคม

ตลอดการก่อตั้งนับแต่ปี 2557 สามารถนสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมจำนวน  38 โครงการ เป็นเงินประมาณ 32,387,721 บาท  ครอบคลุมประเด็นสังคม ทั้ง การศึกษา พัฒนาเยาวชน สิ่งแวดล้อม การเกษตร ผู้พิการและผู้สูงวัย และสื่อสาธารณะ

“การทำงานกับภาคสังคมทำให้เราได้เปิดโลกกว้างว่ากลไกภาคตลาดทุนก็ทำสิ่งดีๆวยสังคมได้ เมื่อก่อนเราไม่เคยเข้าใจว่า ภาคสังคมทำงานกันอย่างไร วันนี้เราได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น ได้เปิดมุมมองใหม่และนำสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปสู่ผู้ลงทุน”

จากจุดนั้น กับบทบาทประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนทำให้เธอมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่าด้วยการเชิญชวนเพื่อนสมาชิก บลจ.ต่างๆ ร่วมกันก่อตั้ง “กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย”  โดยได้แรงสนับสนุนจากภาคสังคมร่วมบุกเบิกกองทุนนี้ ประกอบด้วย มูลนิธิเพื่อคนไทย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย  สถาบันเช้นจ์ เวนเจอร์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้แนวร่วมจากองค์กรกำกับอย่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาระบบธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและยกระดับการดำเนินธุรกิจของตลาดทุนไทยให้มีธรรมาภิบาลและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่มีความเอาจริงเอาจัง

“เชื่อเถอะว่า ทำดีเมื่อไหร่ ก็จะมีความสุขเมื่อนั้น ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้ง กลต.ตลาดหลักทรัพย์ 11 บลจ. สื่อมวลชน ทีมงานเบื้องหลัง และผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีใจเมตตาชี้แนะให้พวกเราใส่ใจทำดี”   นางวรวรรณ กล่าว

“กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย” ถือเป็นก้าวที่สำคัญของตลาดทุนไทย ในมิติของการยกระดับธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียนและในมิติของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทืทำหน้าที่มากไปกว่า Fund Manager แต่เป็นองค์กรตัวกลางที่เชื่อมต่อผู้ถือหน่วยกองทุน ซึ่งก็คือ นักลงทุน นั่นเองร่วมแก้ปัญหาคอร์รัปชันและยกระดับธรรมาภิบาลไทย

สำหรับข้อมูลกองทุน B-THAICG สามารถติดตาม  www.bblam.co.th/asset/pros_b-thaicg_1.pdf หรือชมวิดีโอแนะนำกองทุนได้ที่นี่ www.youtube.com/watch?v=I4Bp3ztcrtA

หรือหากเห็นว่าแนวทางของ “กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย”เป็นประโยชน์ สามารถติดตามรายละเอียดการออกกองทุนและการเสนอขายของบลจ.ต่าง ๆ ที่นี่www.cgfundthailand.com