ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาการศึกษา ปัญหาเยาวชน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ล้วนเป็นปัญหาขนาดใหญ่ของ  ประเทศไทยที่เป็นต้นตอสำคัญที่นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทยในช่วงตลอดทศวรรษที่ผ่านมา รวมทั้งการเติบโต  ทางเศรษฐกิจจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน หากการเติบโตดังกล่าวอยู่ท่ามกลางปัญหาสังคม

คุณภากร  ปีตธวัชชัย  กรรมการและผู้จัดการ  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กระบวนการผนวกแนวคิดด้านความยั่งยืนในมิติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เข้าเป็นองค์ประกอบหลักในการดำเนินธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ นอกเหนือจากการประกอบธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ทุกภาคส่วนสามารถร่วมสร้างโมเดลที่เป็นนวัตกรรมโดยออกแบบความร่วมมือ ขยายมิติของพันธมิตร เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดเป็นรูปธรรมและเติบโตไปพร้อมกัน

%e0%b9%81%e0%b8%96%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7-set-social-impact-day-2019-1 นี่คือที่มาที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัทไลฟ์ อีส กรุ๊ป จำกัด โครงการพอแล้วดี รวมทั้งองค์กรภาคธุรกิจและภาคสังคม ร่วมกันจัดงาน SET Social Impact Day 2019 ในวันที่ 17-18 กรกฎาคม 2562 เวลา 8.30-17.00 น. ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยแนวคิด “Partnership for Impact Co-creation ออกแบบ ทางออก มหาชน” ด้วยการประสาน “พลังความร่วมมือ” ของภาคธุรกิจ ภาคสังคม ภาคบันเทิง ศิลปินเป็น “พลังเครือข่าย” ที่พร้อมร่วมเปลี่ยนประเทศจัดงานนี้

1ในงานมีกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ เวทีเสวนาสร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมให้เกิดรูปธรรมอย่างยั่งยืนโดยมี 40วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมีชื่อเสียงจากทั้งภาคตลาดทุน ภาคบันเทิง และภาคสังคม ที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุม 5 ด้านปัญหาและทางออก ได้แก่ การศึกษาไทย (Education) ปัญหาสุขภาพคนไทย (Heart &Health) โดยเฉพาะปัญหาที่ถูกมองข้าม พร้อมหาทางออกทั้งเรื่องระบบ บุคลากร และกระบวนการที่เกี่ยวข้องสิ่งแวดล้อม (Environment) ในมิติของผู้บริโภคและหาวิธีขยายผลลัพธ์ กลุ่มเปราะบาง (Vulnerable Group) และการออกแบบวิถีชุมชนและเกษตรยั่งยืน (Agriculture & Community Development) ทางเลือกหนึ่งในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพของเกษตรกรรายย่อย พร้อมพบกับ 60บูธธุรกิจเพื่อสังคม สินค้าและบริการที่มีคุณค่าซึ่งผู้ร่วมงานสามารถร่วมสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมผ่านการอุดหนุนสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสร้างมูลค่าเพิ่มและความเข้มแข็งให้กับชุมชน ผู้ด้อยโอกาส ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสังคมไทย

ที่ผ่านมาเราได้เห็นสมการรูปแบบธุรกิจของคนรุ่นใหม่ที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนซึ่งในกระบวนการทำธุรกิจต้องบวกเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อมและบรรษัทภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) เพราะสังคมต้องอยู่ได้ ธุรกิจจึงจะอยู่รอดและเติบโต ด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคมแบบจริงจัง  สร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคม  (Social Impact) และสร้างการเติบโตที่ไม่เป็นภาระกับคนรุ่นต่อไป

แน่นอนว่างานในวันนั้นใครที่ไปร่วมงานจะได้เจอกับตัวจริงจากภาคส่วนต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือ ไลฟ์อีส (LIFEiS) สังคมแห่งการเกื้อกูล ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ คุณนภ พรชำนิ  กับ คุณบอย ชีวิน โกสิยพงษ์ นักแต่งเพลงชื่อดัง และเพื่อนๆจากค่ายเพลง เลิฟอีส (LOVEiS) ร่วมกันเปิดบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า ไลฟ์อีส (LIFEiS) ภายใต้แนวคิดการใช้ดนตรีและความคิดดีๆ เข้าไปบำรุงหัวใจของคนไทยทุกช่วงวัย

ขอบคุณภาพจากสำนักข่าวบางกอกโพส

ขอบคุณภาพจากสำนักข่าวบางกอกโพสต์

สิ่งที่ทำให้คุณนภหันมาสนใจการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย คุณนภบอกว่าไลฟ์อีสเสมือนเป็นตัวแทนกลุ่มศิลปิน นักคิดและนักกิจกรรมที่ต้องการเชิญชวนทุกคนในสังคมให้มีความเชื่อว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ โดยจะเชื่อมต่อกันด้วยศักยภาพที่มีระหว่างภาคสังคม ภาคบันเทิง ภาคธุรกิจ เพื่อให้คนไทยทุกคนเห็นความมหัศจรรย์ของความร่วมมือร่วมใจและเป็นแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือสังคมต่อไป

การได้ทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและพันธมิตรเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง เพราะแต่ละภาคส่วนมีจุดแข็งในการทำงานและความตั้งใจ ถ้าได้ทำงานร่วมกันบนแพลตฟอร์มของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นพลังและเพิ่มพื้นที่ของสังคมที่จะได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น

“เรามีความเชื่อว่าสิ่งที่ทำในวันนี้จะส่งผลถึงอนาคต ถ้าต้องการให้สังคมในอนาคตดีก็ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้” คุณนภกล่าว

ข่าวดีที่ตามมาคือ ทางคุณนภมีความสนใจเข้ามาร่วมแก้ปัญหาสังคมกับแพลตฟอร์มหรือกลไกความร่วมมือประเภทต่างๆ ที่ภาคีภาคสังคมและมูลนิธิเพื่อคนไทยร่วมกันขับเคลื่อนด้วย ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตาม..ไม่นานเกินรอ !

ขอเล่าถึงกลุ่มเป้าหมายของไลฟ์อีสว่า จะแบ่งเป็น 8 กลุ่ม  ตั้งแต่แรกเกิดจนวัยชรา หรือจากครรภ์มาดาถึงเชิงตะกอนก็ว่าได้ โดยแต่ละกลุ่มจะมีผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีประสบการณ์และเป็นที่ยอมรับมาช่วยปลูกวิตามิน ทำหน้าที่เป็น “ฮีโร่” ที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง เป็นตัวแทนเข้าไปเป็นผู้นำต้นแบบเพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนแต่ละช่วงวัยผ่านกิจกรรมและเนื้อหา ประกอบด้วย

  1. กลุ่มเด็กเล็ก 0 – 5 ขวบ มี คุณเพลิน ประทุมมาศ ภรรยาคุณนภ พรชำนิ ผู้มีความรู้และความสามารถเกี่ยวกับเด็กจะเข้าไปพัฒนาศักยภาพเด็ก และพัฒนาวิธีการเลี้ยงของพ่อแม่ พัฒนาความสัมพันธ์ของเด็กต่อพ่อแม่
  2. กลุ่มเด็กวัยประถม 1 – 6 ปี มี คุณโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ศิลปินและนักแต่งเพลงที่เรียนเก่งได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เข้าไปดูแลเรื่องการสร้างสมาธิและต่อยอดความสร้างสรรค์ โดยใช้ดนตรีเป็นสื่อ
  3. กลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น คุณบอย โกสิยพงษ์ เข้าไปเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่เด็ก เพราะต้องการให้พวกเขารู้ว่าโตขึ้นพวกเขาอยากจะทำอาชีพอะไร อยากเป็นอะไร
  4. กลุ่มมัธยมศึกษาตอนปลายและอาชีวะ คุณอุ๋ย บุดดาเบลส หรือ นที เอกวิจิตร์ ศิลปินจากวงบุดดาเบลสจะเข้าไปสร้างความสัมพันธ์ระหว่างวัยรุ่นและพ่อแม่
  5. กลุ่มมหาวิทยาลัย มี “คุณหนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์” พิธีกรชื่อดังจากแบไต๋ไฮเทค มาแนะแนวอาชีพและชวนเด็กที่ฝืนเรียนกับภาควิชาที่ตัวเองไม่ถนัดให้กล้าที่จะออกมาเรียนใหม่ในสาขาวิชาที่ใช่
  6. กลุ่มผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 22-40 ปี มีคุณบอย และ อาจารย์วาระ มีชูธน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการดำเนินชีวิตและการใช้ชีวิตคู่เข้ามาดูแล
  7. กลุ่มช่วงอายุ 40-60 ปี (วัยกลางคน -Mid Life) เป็นช่วงเริ่มประสบความสำเร็จในชีวิต จึงต้องปลูกค่านิยมการแบ่งปัน ช่วงวัยนี้รอผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมงาน
  8. กลุ่มช่วงอายุ 65 ปีขึ้นไป ช่วงวัยทอง (Golden Year) จะมี คุณปุ๊อัญชลี จงคดีกิจ และ คุณต้อย เศรษฐา ศิระฉายา ผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกและวางแผนชีวิตวัยเกษียณได้อย่างดีชวนทำกิจกรรมให้วัยนี้สนุก มีสังคม มีเพื่อน เพื่อให้ชีวิตกลับมาสดใสอีกครั้ง

สำหรับ SET Social Impact Day ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ SET Social Impact Platform ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคม จากการนำเสนอในออนไลน์แพลตฟอร์มสู่การทำงานในรูปแบบที่หลากหลายทั้งเสวนา การสร้างเครือข่าย การเจรจาธุรกิจและการนำเสนอการทำงานในส่วนภาคธุรกิจและภาคสังคม โดยบริษัทจดทะเบียน บริษัทจำกัดทั้งที่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จะได้ประโยชน์จากการร่วมงาน ขยายเครือข่าย และความรู้สร้างโมเดลการทำงานที่ยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรใหม่ ๆ รวมทั้งภาคราชการ สมาคม มูลนิธิ ธุรกิจเพื่อสังคม หน่วยงานภาคสังคม

หากใครสนใจบริบทของการสร้างความยั่งยืนเพื่อการเชื่อมต่อและขยายผลการพัฒนาสังคมให้กว้างขวางร่วมนำร่องออกแบบทางออกเพื่อแก้ปัญหาสังคมร่วมกันสามารถเข้าร่วมงานซึ่งเปิดให้คนภายนอกเข้าฟังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

รายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนร่วมงานที่ www.setsocialimpact.com  หรือสอบถาม SET Contact Center 0 2009 9999  หรือหากใครสนใจกิจกรรมดีๆของไลฟ์อีสก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ www.lifeisgroup.org