Food4Good ทำดีง่ายๆ พี่อิ่มท้อง น้องอิ่มด้วย
..จะดีแค่ไหนถ้าการทานอาหารจานโปรดในร้านอาหารร้านโปรด ไม่ได้ทำให้เราอิ่มท้องเพียงคนเดียว แต่ยังทำให้เด็กไทยหลายคนที่ยังขาดแคลนอาหาร ได้อิ่มท้องไปกับเราด้วย…

 

จากสถิติขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ในปี 2556 ระบุว่า ประชากรไทยทั้งหมดกว่า 64 ล้านคน มีคนไทยขาดสารอาหารร้อยละ 5.8 หรือกว่า 3.7 ล้านคน นอกเหนือจากนี้ ยังมีคนไทยอีกร้อยละ 13 หรือกว่า 8.3 ล้านคน ที่ไม่ได้รับอาหารเพียงพอ

องค์การอาหารฯ ยังสำรวจสถานการณ์ขาดแคลนอาหารเด็กพบว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีจำนวน 178,600 คน คิดเป็นร้อยละ 4.7 อยู่ในภาวะขาดสารอาหารรุนแรง และอีกร้อยละ 15.7 หรือ 596,600 คน อยู่ในภาวะขาดอาหารจนทำให้การเติบโตต่ำกว่าเกณฑ์ ความกังวลและห่วงใยในการขาดแคลนอาหารในเด็กและเยาวชนของประเทศไทย จุดประกายให้ธุรกิจร้านอาหารชั้นนำหลายแห่งจับมือกันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการนำเอาความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการและธุรกิจของตนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นหนึ่งในกลไกแก้ปัญหาดังกล่าว ภายใต้ชื่อของโครงการว่า “Food4Good” จากงาน “คนไทยขอมือหน่อย” ครั้งที่ 2 ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนมกราคม นอกจากจะเป็นการรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ของกิจการเพื่อสังคมในประเทศไทย ยังถือเป็นมหกรรมรวบรวมร้านอาหารคุณภาพระดับ “5 ดาว” ภายใต้โครงการ Food4Good มาออกบูธรวมกันมากมาย

ผู้เข้างานที่ซื้ออาหารจากร้านเหล่านี้ไปรับประทาน ไม่เพียงจะได้ “อิ่มท้อง” ด้วยอาหารอร่อยที่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพผ่านการคัดสรรอย่างดี ยังจะได้ “อิ่มบุญ” เนื่องจากรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายอาหารภายในงานนี้ทั้งหมดจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นมื้ออาหารดีๆ ให้กับ “น้องๆ” ผู้ขาดแคลนอาหาร ดั่งสโลแกนของโครงการฯ ที่ว่า “พี่อิ่มท้อง น้องอิ่มด้วย” โดยงานนี้สามารถสร้างยอดบริจาคเข้าสู่โครงการ Food4Good นำไปสนับสนุนค่าอาหารให้กับน้องๆ ที่ขาดแคลนได้ถึง 3,000 จานในช่วง 2 วันงาน!!

ทำความรู้จักกับ “Food4Good”

“เมื่อในสังคมยังมีคนหิว ยังมีเด็กขาดสารอาหาร เราในฐานะที่เป็นผู้ที่อยู่ในธุรกิจอาหาร และมีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการ จะทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมได้บ้าง” คุณทิพย์ชยา พงศธร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ในฐานะเจ้าของร้านอาหาร 99 Rest Backyard Cafe เล่าถึงแรงบันดาลใจในการก่อตั้งโครงการ Food4Good

“จริงๆ แล้ว มันเป็นเหมือนนโยบายของบริษัทพรีเมียร์ ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม เราอยากทำให้ธุรกิจนั้นคืนประโยชน์ให้สังคมด้วย พอเราได้มาดูธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ก็คิดว่าน่าจะเอาความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาหารมาช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร และแทนที่จะทำคนเดียวก็ชักชวนเพื่อนร่วมวงการมาช่วยกันขับเคลื่อน ก็น่าจะมีพลังมากกว่า”

คุณทิพย์ชยา เล่าว่า ในญี่ปุ่นมีองค์กรที่มีวัตถุประสงค์และการดำเนินการคล้ายกับโครงการฯ ซึ่งมีชื่อว่า “Table for Two” โดยเงินบริจาคจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ขาดแคลนอาหารในแอฟริกา ด้วยเล็งเห็นว่า โมเดลนี้น่าจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารในเด็กและเยาวชนของประเทศไทยได้ เธอจึงนำมาประยุกต์ใช้จนเกิดเป็นโครงการ “Food4Good พี่อิ่มท้อง น้องอิ่มด้วย” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557

สำหรับความคาดหวังจากโครงการฯ คุณทิพย์ชยา กล่าวว่า นอกจากการช่วยเหลือด้านอาหารและโภชนาการให้กับเด็กที่ด้อยโอกาส ในส่วนของร้านอาหาร เธออยากเห็นเจ้าของร้านอาหารใช้ธุรกิจของตนเป็นกลไกในการแบ่งปันสู่สังคม แทนที่จะทำ “ซีเอสอาร์” ที่ไม่เกี่ยวข้องกับแก่นของธุรกิจ ขณะที่ในส่วนของผู้บริโภค เธออยากให้โครงการนี้เป็นช่องทางที่ทำให้ทุกคนตระหนักว่า การทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันได้

แค่ 10 บาท ช่วย “น้อง” อิ่มท้องได้

กลไกการทำงานของโครงการ Food4Good ในการแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการในเด็กและเยาวชน เริ่มต้นจากร้านอาหารสมาชิกโครงการฯ คัดสรรเมนูอาหารพิเศษที่มีคุณภาพและดีต่อสุขภาพมาอย่างน้อย 1 เมนูต่อร้าน เพื่อเข้าร่วมเป็นเมนูในโครงการฯ เมื่อลูกค้าเลือกทานเมนูดังกล่าว เงินบริจาค 10บาทจากจานนั้นจะนำมาสมทบเข้าสู่โครงการฯ เพื่อเปลี่ยนเป็นอาหารให้น้องๆ ผู้ขาดแคลน

ในช่วงแรก โครงการ Food4Good ได้คัดเลือกองค์กรที่ทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนมา 3 มูลนิธิ เพื่อรับบริจาคค่าอาหารจากโครงการฯ ประกอบด้วย สหทัยมูลนิธิ มูลนิธิเพื่อเด็กพิการแห่งประเทศไทย และมูลนิธิบ้านนกขมิ้น ซึ่งทั้ง 3 มูลนิธิ มีเด็กและเยาวชนที่อยู่ในการดูแลกว่า 1,000 คน

“10 บาทจากทุกๆ จานที่ร่วมของโครงการ Food4Good จะถูกเปลี่ยนเป็นอาหารให้ “น้องๆ” ได้อิ่มท้องตลอดไป เราไม่ได้ขอเยอะ เพราะคอนเซ็ปต์ของเราคือ ต้องการให้ช่วยกันได้ในระยะยาว และเราไม่ได้มองยอดบริจาคเป็นเป้าหมายแรก แต่เราอยากเน้นการมีส่วนร่วมของสังคมมากกว่า” คุณทิพย์ชยาย้ำ

เสียงตอบรับจาก “ร้านโฮมเมด”

ในบรรดากว่า 10 ร้านอาหารที่มาร่วมออกบูธในงานคนไทยขอมือหน่อย ครั้งที่ 2 ทุกร้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รู้สึกดีใจที่ตลอด 2 วัน มีประชาชนให้การตอบรับกับโครงการ Food4Good ด้วยการเข้ามาซื้ออาหารเป็นจำนวนมาก”

ร้าน Gram Café ซึ่งนำ Gram Bakery มาออกบูธ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ร้านได้เข้าร่วมกับโครงการ Food4Good คุณวศินี อัคคชาติกุล เจ้าของร้านเล่าว่า เธอไม่เคยได้ยินชื่อโครงการนี้มาก่อน จนได้เห็นรายละเอียดในอีเมล์เชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการฯ ที่ระบุว่า รายได้ส่วนหนึ่งจะบริจาคให้กับมูลนิธิที่ดูแลด้านโภชนาการของเด็กที่ขาดโอกาส เธอจึงตอบตกลง “การเข้ามาร่วมกับโครงการฯ ไม่ว่าจะในฐานะเจ้าของร้านหรือผู้บริโภค ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ช่วยเหลือสังคม ซึ่งโครงการนี้ทำให้เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีได้ แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” คุณวศินีย้ำ

GRAM Café เป็นร้านอาหารน้องใหม่ที่เน้นเมนูอาหารเช้าเป็นหลัก โดยเมนูที่เสิร์ฟทั้งวันเป็นเมนูไข่ เช่น Egg Benedict, ไข่กระทะ ฯลฯ และเบเกอรี่รสชาติเข้มข้น โดยทุกเมนูปรุงจากวัตถุดิบออร์แกนิค

ขณะที่ บ้านกลมกิ๊ก ร้านอาหารไทยในคอนเซ็ปต์ “Comfort Food” หรืออาหารไทยสไตล์ “บ้านๆ” ที่เมนูส่วนใหญ่เป็นเมนูที่คนไทยนิยมทำทานเองที่บ้านง่ายๆ ปรุงตามรสชาติของ “คุณแม่” ของเจ้าของร้าน ได้นำอาหารไทยมาร่วมออกบูธ โดยเมนูของร้านที่ร่วมในโครงการ Food4Good จะเป็น 4 เมนูเพื่อสุขภาพที่ร้านมี ซึ่งล้วนแต่เป็นเมนูยอดนิยมของร้าน แม้ในการเข้าร่วมโครงการฯ ครั้งแรกของร้านจะเป็นเพราะคนรู้จักที่ทำงานในโครงการนี้ชักชวน แต่หลังจากรับฟังเกี่ยวกับหลักการทั้งหมด คุณกันทิมา กิจเจริญ เจ้าของร้านรู้สึกชื่นชอบและชื่นชมในเจตนารมณ์ของโครงการฯ โดยเฉพาะสโลแกนที่ว่า “พี่อิ่มท้อง น้องอิ่มด้วย”

“แค่ 10 บาทจากเมนูที่เข้าร่วม เราเห็นว่ามันนิดหน่อย ไม่ทำให้ทางร้านเดือดร้อนอะไร แต่ได้ช่วยเด็กๆ ที่ขาดแคลนอาหาร เราเห็นว่าเป็นแนวคิดที่ดี ในเมื่อเราช่วยได้ก็เลยช่วย เชื่อว่าทุกคนในธุรกิจนี้มีพลังที่จะช่วยได้ ซึ่งถ้าทางร้านมาร่วมกันเยอะๆ ผู้บริโภคก็จะมีโอกาสร่วมทำบุญด้วยโดยปริยาย” คุณกันทิมาทิ้งท้าย

สำหรับ Daddy’s Home Bakery แม้จะไม่มีหน้าร้าน แต่ทางร้านได้ให้ความร่วมมืออย่างดีกับโครงการ Food4Good มาตลอด โดยไม่เพียงร่วมสมทบเงินบริจาคจากเมนูประจำ ยังร่วมออกบูธในงานคนไทยขอมือหน่อยทั้ง 2 ครั้ง เพื่อแบ่งรายได้จากการออกบูธมอบให้กับโครงการฯ

“เหตุผลที่เข้าร่วมโครงการฯ เพราะเราอยากให้เด็กๆ ที่ขาดโอกาสได้ทานอาหารที่ถูกโภชนาการ และอยากเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนช่วยเหลือสังคม ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าดีใจมากที่ได้มีส่วนร่วมบริจาคให้โครงการฯ ก็เลยมีการ “บอกบุญ” ต่อๆ กันไปเรื่อยๆ” มร.คลีฟแลนด์ อิงลิช เจ้าของร้านเล่า ทั้งนี้ เมนูประจำที่เข้าร่วมโครงการฯ ของร้าน ได้แก่ บราวนี่รูปหัวใจสูตรพิเศษสำหรับผู้แพ้แป้งสาลี ราคาชุด (6 ชิ้น) ละ 400 บาท โดยทุกชุด ทางร้านจะบริจาค100 บาทเข้าโครงการฯ

อีกหนึ่งร้านที่มาร่วมออกบูธ ได้แก่ ร้าน Quince ซึ่งยังได้นำแบรนด์น้องใหม่คือ Tea Atelier มาร่วมออกบูธในงานครั้งนี้ด้วย โดยร้อยละ 30 ของรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในงาน 2 วันจะถูกสมทบเข้าโครงการฯ โดยหลังจากการออกบูธ ร้าน Quince ยังได้เข้าร่วมโครงการ Food4Good ต่ออีก 6 เดือน โดยได้นำเมนูใหม่มาเข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ Organic Roast Chicken “สำหรับส่วนตัว ถ้าเรามีโอกาสได้ไปร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือสังคม เราคงรู้สึกดีกับร้านนั้นมากๆ” คุณฐิติกานต์ จงวัฒนา เจ้าของร้าน Quince ให้มุมมอง

ซิซซ์เล่อร์ร่วมเปิด “ประตูการแบ่งปัน” สู่ลูกค้า

แม้ไม่ได้ร่วมออกบูธในงานคนไทยขอมือหน่อย ครั้งที่ 2 แต่ซิซซ์เล่อร์นับเป็นร้านอาหารที่ลูกค้าให้การตอบรับกับโครงการ Food4Good อย่างดียิ่ง โดยเพียง 3 เดือนแรกที่ร่วมโครงการฯ คือเดือนตุลาคม 2557 ถึงดือนมกราคม 2558 มีลูกค้าสั่งเมนู Food4Good ไปแล้ว 11,410 จาน ได้เงินบริจาคสูงถึง114,100 บาท

“เหตุผลที่ซิซซ์เล่อร์เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะผู้บริหารกลุ่มไมเนอร์ของเรามีความเชื่อว่า ถ้าเราสร้างคนที่มีคุณภาพ คนคุณภาพเหล่านี้ก็จะทำให้สังคมมีคุณภาพ ซึ่งก็คล้ายกับแนวคิดโครงการฯ ที่ต้องการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีคุณภาพในด้านโภชนาการ” คุณนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ดำเนินงานร้านอาหารซิซซ์เล่อร์ในประเทศไทย และประเทศจีน เล่าถึงที่มา

ด้วยจำนวนสาขาที่มากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซิซซ์เล่อร์จึงเป็นช่องทางที่ทำให้คนไทยมีส่วนในการแบ่งปันความอิ่มกับน้องๆ ได้มากขึ้น เพียงสั่งเมนูซิกเนเจอร์ คือ Sizzling Steak หรือชี้ที่ปกหน้าของเมนูเล่มมารับประทาน “ปกติ เราก็ทานอาหารกันอยู่แล้ว โครงการนี้จะทำให้เรามีความสุขกับอาหารมื้อนั้นยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะได้ทานอาหารอร่อย มีประโยชน์ ทุกๆ ครั้งที่สั่งเมนูที่ร่วมโครงการฯ ยังทำให้น้องๆ ใน 3 มูลนิธิได้ทานอาหารดีๆ ไปด้วย” คุณนงชนกทิ้งท้าย

เกรฮาวด์ คาเฟ่ ร่วมกระตุ้นจิตสำนึกเพื่อสังคม

“เราอยากเป็นองค์กรที่เป็น Good Corporate Citizen ของสังคมไทย เรามีการทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันอยู่แล้ว แต่พอมีโครงการนี้ เรามองว่านี่เป็นช่องทางที่จะมอบอะไรให้สังคมได้โดยผ่านธุรกิจที่เราทำ” คุณภัทร พรหมมารักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เกรฮาวด์ คาเฟ่ จำกัด กล่าว

เกรฮาวด์ คาเฟ่เข้าร่วมกับโครงการ Food4Good ครั้งแรกตั้งแต่กลางปี 2557 และกำลังจะต่อสัญญาเข้าร่วมเป็นปีที่สอง สำหรับเมนูที่เข้าร่วมโครงการฯ คือ สลัดผักโขมอ่อน เนื่องจากทางร้านมองว่าเป็นเมนูที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นเมนูที่มียอดขายดี โดยตั้งแต่เริ่มเข้าร่วมโครงการฯ เกรฮาวด์ คาเฟ่ได้ร่วมสมทบทุนให้กับโครงการฯ มากกว่า 7,000-10,000 บาท/เดือน

“การทำเพื่อสังคมมันไม่ยากอีกต่อไป ทุกคนสามารถเริ่มต้นจากตัวเรา แค่พิจารณามากขึ้นอีกนิดเวลาเลือกร้านอาหารและสั่งอาหาร เลือกอาหารที่มีประโยชน์กับตัวเอง อร่อย และยังมีประโยชน์ต่อสังคม อย่างเมนู Food4Good แค่นี้คุณก็สามารถช่วยสังคมได้” คุณภัทรเชิญชวน พร้อมกับเผยว่า รู้สึกประทับใจทุกครั้งที่ได้เห็นว่าลูกค้าเกิดความรู้สึกดีที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือน้องๆ ที่ขาดแคลนอาหาร และได้เห็นน้องๆ เหล่านั้นได้รับประโยชน์จากโครงการฯ อย่างแท้จริง

โรงแรมดิ โอกุระฯ เข้าร่วมต่อเนื่องปีที่ 2

เพราะเชื่อว่า เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Food4Good โดยผู้บริหารโรงแรมมองว่า โครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะผลักดันให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กไทย โดยเฉพาะในด้านโภชนาการ

ด้วยเหตุนี้ โรงแรม ดิ โอกุระฯ จึงได้นำห้องอาหาร Up & Above Restaurant เข้ามาเป็นสมาชิกของโครงการฯ ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นเดือนแรกของโครงการฯ และยังได้ต่อสัญญาเป็นปีที่ 2 “ผู้บริหารโรงแรมเล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจ เพราะไม่เพียงลูกค้าจะได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ แต่ยังได้มีส่วนร่วมบริจาคเงินค่าอาหารให้แก่เด็กๆ ที่ขาดแคลนอาหาร” มร. แซมเมียร์ ไวลเดอแมนน์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ กล่าว

โครงการ Food4Good ดำเนินการมาแล้ว 1 ปี จากแรกเริ่มที่มีร้านอาหารเพียง 7 แห่งเข้าร่วมโครงการ มาวันนี้ มีร้านอาหารในโครงการฯ ราว 20ร้าน โดยยอดเงินบริจาคในช่วง 6 เดือนแรก เดือนกุมภาพันธ์ – กันยายน 2557 โครงการฯ ได้รับเงินบริจาคจากร้านอาหารสมาชิกมากถึง 476,657 บาท เปลี่ยนเป็นอาหารมอบให้แก่น้องๆ ได้อิ่มท้องถึง 22,641 จาน

“คุณเอ” หนึ่งในลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารตามบูธต่างๆ ของโครงการ Food4Good ในงานคนไทยขอมือหน่อยฯ ให้ความเห็นว่า ถ้าร้านอาหารที่เขาทานประจำมีโอกาสได้ร่วมกับโครงการดีๆ อย่าง Food4Good เขาคงอยากเข้าเป็นลูกค้าประจำร้านนั้นในระยะยาว

“ปกติในการเลือกทานอาหารของผม หลักๆ ก็คือจะเลือกจากรสชาติ แต่ถ้าอาหารรสชาติดีแล้วยังมีสิ่ง ที่เพิ่มมูลค่า คือการได้แบ่งปันแก่สังคมด้วย มื้อนั้นก็จะเป็นมื้อที่ดีมาก เพราะนอกจากอิ่มท้องยังได้อิ่มใจ” คุณเอทิ้งท้าย ซึ่งเชื่อว่าตรงกับความรู้สึกเดียวกับทุกคนที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้