นิยาม

กลไกสร้างการมีส่วนร่วมในด้านเสริมสร้างธรรมาภิบาลและต่อต้านคอร์รัปชันผ่านการลงทุน เป็นความร่วมมือของภาคตลาดทุน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และประชาชนทั่วไป โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 10 บริษัท ซึ่งมีมูลค่ากองทุนภายใต้การบริหารกว่าร้อยละ 90 ของตลาดทุนรวมได้ร่วมจัดตั้งกองทุนรวมหุ้น 10 กองทุนที่แยกการบริหารอย่างอิสระ เน้นลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ได้รับการประเมินจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ในระดับดีมากและดีเลิศ (CG Rating Score 4-5) และเป็นบริษัทที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai CAC)

วิสัยทัศน์

"กลไกความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคมผ่านการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนทางธุรกิจและผลลัพธ์ทางสังคมด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลต่อต้านคอร์รัปชัน"

พันธกิจ

กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการดูแลกำกับกิจการที่ดี พิจารณาจากการประเมิน CG Rating Score ในระดับที่ดีมากหรือดีเลิศ และได้รับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต จากนั้นจะนำรายได้ 40% ของค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนที่ได้รับ ไปสนับสนุนการทำงานส่งเสริมธรรมาภิบาลต่อต้านคอร์รัปชันในสังคมไทย"

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ผู้ลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน

ในฐานะผู้สนับสนุนบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีและสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมผ่านกลไกค่าบริหารจัดการกองทุนฯ

บลจ. 10 องค์กร

ในฐานะผู้บริหารกองทุนฯ ที่เชื่อมโยงเงินและความมีส่วนร่วมของผู้ลงทุนเข้ากับโครงการเพื่อสังคม

องค์กรตัวกลางด้านสังคม

ในฐานะผู้สรรหา คัดเลือก พัฒนา ประสานงาน ติดตามความก้าวหน้าและผลลัพธ์ของโครงการเพื่อสังคมที่เข้ารับการสนับสนุนจากกองทุนฯ

โครงการและองค์กรที่ทำงานส่งเสริมธรรมาภิบาล และต่อต้านคอร์รัปชันในสังคมไทย

ในฐานะผู้รับการสนับสนุนเงินทุนในการดำเนินโครงการจากกองทุน

ผลผลิต - ผลลัพธ์ กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย ปี 2566

ผลผลิต

6 โครงการ

ผู้บริจาค

10 องค์กร

ยอดบริจาค

35,216,485 บาท

พลเมืองที่มีส่วนร่วมเพื่อส่วนรวม

129 คน / 711 องค์กร

อาสาสมัคร

15 คน

ผู้ร่วมกิจกรรม

114 คน

ผู้รับประโยชน์

53,135 คน

กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทยได้สนับสนุนโครงการที่มีแนวคิดในการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและต่อต้านการคอร์รัปชันไปแล้วทั้งสิ้น 23 โครงการ เป็นจำนวนเงิน 90,354,265 บาท โดยในปี 2566 กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทยให้การสนับสนุน 6 โครงการ เป็นจำนวนเงิน 35,216,485 บาท รายละเอียดดังนี้

โครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนในปี 2566 จำนวน 6 โครงการ

1. โครงการ การบริหารวัดในพระพุทธศาสนาตามหลักธรรมาภิบาล

รายละเอียดโดยสังเขป

  • โครงการบริหารวัดในพระพุทธศาสนาตามหลักธรรมาภิบาลดำเนินการโดยนำแนวปฏิบัติการบริหารจัดการวัดที่ธรรมาภิบาล 9 ข้อ ที่ทางมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาลจัดทำขึ้น ไปเป็นแนวทางให้วัดที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติใช้ โดยมีทีมช่วยเหลือและให้คำแนะนำ ซึ่งจะก่อให้เกิดวัดต้นแบบในการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาล นำไปสู่การขยายผลนำแนวปฏิบัติทั้ง 9 ข้อสู่วัดอื่น ๆ ต่อไป

2. โครงการส่งเสริมธรรมาภิบาลด้านการจัดการทรัพยากรทางทะเลร่วมกันระหว่างภาครัฐและชุมชน

รายละเอียดโดยสังเขป

  • โครงการจะมุ่งผลักดันให้เกิดการกําหนดเขตอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งมีกติกาการใช้พื้นที่ที่สมาชิกในชุมชนร่วมกันกําหนดควบคู่กับการดําเนินกิจกรรมอนุรักษ์ต่าง ๆ และจะประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้การกําหนดเขตอนุรักษ์และกติกาของชุมชนได้รับการรับรองเป็นประกาศหรือข้อบัญญัติทางราชการที่มีผลบังคับตามกฎหมาย

3. โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของการพัฒนาคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตในสถานศึกษา โดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว และชุมชน

รายละเอียดโดยสังเขป

  • โครงการขยายผลโมเดล 4+6 (4 หลักการ 6 ขั้นตอน) ที่จะเข้าไปสร้างจิตสํานึกความซื่อสัตย์สุจริตแก่โรงเรียนบุคลากร ครู และนักเรียนทั่วประเทศไทยทั้ง 447 โรงเรียนและคัดสร้างโรงเรียนต้นแบบ พร้อมทั้งกิจกรรมประกวดคลิปวิดีโอและ Youth talk อย่างมีส่วนร่วมโดยขยายไปยังชุมชนและผู้ปกครอง

4. โครงการติดตามการทำงานของรัฐสภา

รายละเอียดโดยสังเขป

  • โครงการดําเนินการรวบรวมข้อมูลนโยบายหาเสียงและติดตามการทํางานของพรรคการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนสามารถสืบค้นและติดตามนโยบายหาเสียง ซึ่งถือเป็นคําสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาชน โดยโครงการจะติดตามการดําเนินงาน และผลการดําเนินนโยบายของพรรคการเมืองในประเทศไทย จากนั้นเผยแพร่เครื่องมือในรูปแบบเว็บไซต์ (https://promisetracker.wevis.info) ที่สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก และนําเสนอข้อมูลด้วยวิธีที่เข้าใจง่ายผ่านรูปแบบ Data Visualization เพื่อผลักดันให้พรรคการเมืองและนักการเมืองมีความรับผิดรับชอบ (Accountability) ต่อประชาชน สร้างมาตรฐานให้การเมืองไทยมีความโปร่งใส และกระตุ้นให้เกิดประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม

5. โครงการส่งเสริมธรรมาภิบาลชายแดนใต้

รายละเอียดโดยสังเขป

  • จากการทำงานของกลุ่มลูกเหรียงทั้งในระดับพื้นที่และทํางานร่วมกับโรงเรียน ทําให้เห็นถึงข้อจํากัดและปัญหาหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อการนําไปสู่การสร้างสังคมที่ไม่โปร่งใสและเกิดปัญหาทุจริต ทั้งในระดับที่เล็กสู่ปัญหาใหญ่ โดยโครงการฯ จะดําเนินโครงการร่วมกับ 6 โรงเรียน ใน 3 ตําบล โดยจะมุ่งทํางานกับผู้บริหารโรงเรียน คุณครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และผู้ปกครอง รวมไปถึงชุมชน เพื่อทำให้ระดับปัจเจกบุคคลได้เข้าถึงหลักการและเครื่องมือธรรมาภิบาล รวมไปถึงได้รับการพัฒนาศักยภาพ มีความรู้ ความเข้าใจ นําไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการบริการต่าง ๆ ในระดับโรงเรียน

6. โครงการ Big Open Data เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน (ระยะที่ 2)

รายละเอียดโดยสังเขป

  • พัฒนาระบบฐานข้อมูลเปิดขนาดใหญ่ที่สำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน ประกอบด้วย ข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ข้อมูลผู้ค้าภาครัฐและนิติบุคคล ข้อมูลประวัติการดำรงตำแหน่งของข้าราชการการเมืองและข้าราชการระดับสูง ข้อมูลบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ข้อมูลพรรคการเมืองและรายนามผู้บริจาคให้พรรคการเมือง ข้อมูลเกี่ยวกับคดีความ คำชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณ เช่น ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

โครงการที่ได้รับการสนับสนุนปีก่อนหน้านี้และความก้าวหน้า

1. โครงการ CAC SME Certification

- สร้างเครือข่าย Supply chain ที่มีแนวปฏิบัติ/ระบบควบคุมภายใน ในการไม่ให้ ไม่รับสินบน

ความก้าวหน้าและผลกระทบทางสังคม

  • ปัจจุบัน CAC มีการประชาสัมพันธ์และทำแคมเปญเพื่อสื่อสารกรณีศึกษาบริษัทที่ประสบความสำเร็จ (Success Story) บนช่องทาง Facebook Fan Page
  • ส่งเสริมแคมเปญ​ No Gift Policy ในแต่ละบริษัท หากโพสต์ของบริษัทไหนมียอดการมีส่วนร่วมสูง จะได้สิทธิประโยชน์คอร์สเรียน CAC สำหรับบริษัทเอกชน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • SME Certificate มีการจัดอบรมให้กับ Change Agent โดยเปิดโอกาสให้บริษัทที่เข้าร่วมเชิญ Supply Chain เข้าร่วมฟังบรรยายเกี่ยวกับธรรมาภิบาล ทั้งนี้ จุดประสงค์คือ ต้องการให้ Supply Chain ได้รับผลประโยชน์อย่างเท่ากัน โดยปัจจุบันมีบริษัทเข้าร่วมอยู่ประมาณ 50 บริษัท
  • มีการปรับเกณฑ์เงื่อนไข SMEs จากทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท เพื่อขยายขอบเขตการรับสมัคร SME เข้าร่วมการต่อต้านคอร์รัปชัน และมีการประเมิน 17 ข้อ อีกทั้ง ปัจจุบันมีการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับ E-Learning และแบบทดสอบจำนวน 71 ข้อ โดยคาดว่าจะเสร็จกลางปีหน้า
  • มีการเปิดรับ SMEs สำหรับบริษัทที่สนใจ ให้คำปรึกษาผ่านคลินิก และเข้ามาเรียนได้ฟรี 

2. โครงการ Big Open Data เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน

- พัฒนาระบบฐานข้อมูลเปิดที่เป็นประโยชน์ต่อการต่อต้านคอร์รัปชันภาคประชาชน (สิ้นสุดการดำเนินโครงการระยะที่ 1 โดยอยู่ระหว่างต่อยอดพัฒนาโครงการระยะที่ 2)

ความก้าวหน้าและผลกระทบทางสังคม

  • จากการเก็บรวบรวมข้อมูลปี 2566 มีผู้เข้าใช้งานระบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม ACT Ai 44,199 Users โดยมีผู้ใช้งานสะสม จำนวน 116,107 Users จากการใช้งานเรียกเปิดเอกสาร (Pageview) 215,927 ครั้ง รวมสะสมตั้งแต่ทำระบบจำนวน 588,103 ครั้ง (ข้อมูลวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566)
  • พัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้าง และปรับโครงสร้างพื้นฐาน ฐานข้อมูลระบบ ACT Ai ปัจจุบันมีข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างในระบบจำนวน 31,483,474 โครงการ และมีข้อมูลผู้ค้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดซื้อจัดจ้างจำนวน 2,559,920 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566)
  • รวบรวมชุดข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการดำเนินโครงการส่งเสริมความโปร่งใสอื่น ๆ ได้แก่ ชุดข้อมูลบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน, ชุดข้อมูลการบริจาคแก่พรรคการเมือง, ชุดข้อมูลรายนามผู้บริหารกระทรวงและข้าราชการระดับสูง, ชุดข้อมูลคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง, ชุดข้อมูลคำชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช., ชุดข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายของ กลต., ชุดข้อมูลโครงการก่อสร้าง (CoST), ชุดข้อมูลโครงการภายใต้ พรก. กู้เงินโควิด19, ชุดข้อมูลงบประมาณรายจ่ายประจำปีขององค์การบริหารส่วนจังหวัด, ชุดข้อมูลโรงเรียนสังกัด สพฐ. และชุดข้อมูลเบาะแสทุจริตจากภาคประชาชน
  • เกิดระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับสังคมในการร่วมติดตาม ตรวจสอบ และมีส่วนร่วมในการต่อต้านคอร์รัปชัน ด้วยเครื่องมือสู้โกง 9 ฟังก์ชัน ได้แก่ จับโกงจัดซื้อจัดจ้าง, จับโกงเครือข่ายความสัมพันธ์, จับโกงงบ COVID, จับโกงงบ อบจ., Build Better Lives by CoST, โรงเรียนโปร่งใส, ฟ้องโกงด้วยแชตบอต, ฐานข้อมูลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง และ ฐานข้อมูลเปิดเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน
  • เกิดเครือข่ายดำเนินงาน 29 หน่วยงาน (รวมสื่อ 16 แห่ง) อาทิ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย), สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน), บริษัท แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), โรงเรียนนายร้อยตำรวจ, สถาบันพระปกเกล้า, กรุงเทพมหานคร, สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.), สถาบัน Change Fusion, Wevis เทคโนโลยีภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, สำนักข่าวอิศรา, สำนักข่าวประชาไท, สำนักข่าว ThaiPBS, สำนักข่าวช่อง7, สำนักข่าวเนชั่น, สำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ฯลฯ
  • ขยายผลการใช้งาน การประชาสัมพันธ์และแนะนำเครื่องมือ ผ่านการบรรยายเชิงปฏิบัติการร่วมกับองค์กร/หน่วยงานที่มีภารกิจในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน และสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, สถาบันพระปกเกล้า, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ, กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), กรมการปกครอง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Private Sector Collective Action against Corruption : CAC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร และหลักสูตรอบรมพิเศษเพื่อการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันของภาคเอกชนอื่น

3. โครงการยกระดับคุณภาพ ป่าชุมชนเพื่อระบบนิเวศที่สมบูรณ์ การสร้างความมั่นคงของชีวิตและการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาล

- พัฒนาศักยภาพของชุมชนและการจัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติบนแนวความคิดธรรมาภิบาลป่าไม้สู่ความยั่งยืน

ความก้าวหน้าและผลกระทบทางสังคม

  • ป่าชุมชนที่มีข้อตกลงการแบ่งปันประโยชน์ มีการกำหนดในแผนการจัดการป่าชุมชน จำนวน 30 พื้นที่ป่า
  • มีการจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชนอย่างมีส่วนร่วมและได้รับการอนุมัติ จำนวน 30 พื้นที่ป่า
  • ฐานข้อมูลป่าชุมชนได้ถูกนําเข้าสู่ www.thaicfnet.org จำนวน 400 แห่ง
  • คณะกรรมการป่าชุมชนระดับจังหวัด อย่างน้อย 30% เข้าร่วมประชุมกับเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง
  • ความพึงพอใจของคณะกรรมการต่อการใช้ข้อมูล 70%
  • จัดการประชุมระหว่าคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนและกรมป่าไม้ จำนวน 2 ครั้ง
  • จัดทำรายงานสถานการณ์และการสะท้อนการติดตาม การบริหารจัดการป่าชุมชนประจำปี เพื่อให้หน่วยงานตอบรับข้อเสนอแนะที่นําเสนอโดยตัวแทนเครือข่ายป่าไม้ภาคพลเมือง จำนวน 1 ฉบับ
  • เวทีการประชุมระดับจังหวัด 2 ครั้ง
  • จัดทำรายงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระดับจังหวัด จำนวน 1 เล่ม
  • จัดเวทีการประชุมระดับประเทศ 2 ครั้งและจัดทำแผนความร่วมมือร่วมกันจำนวน 1 แผน
  • จัดการฝึกอบรมผู้นำรุ่นใหม่จำนวน 30 คนและจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชนจำนวน 30 แผน
  • มีพื้นที่ป่าชุมชนจำนวน 30 แห่งที่นำระบบการติดตามและประเมินป่าชุมชนไปใช้จริง
  • จัดการประชุมเพื่อนำเสนอรายงานการติดตามประเมินป่าชุมชนให้กับหน่วยงานจำนวน 10 หน่วยงาน

4. โครงการส่งเสริมความเข้มแข็งแก่ชุมชนอย่างมีส่วนร่วม เพื่อสร้างธรรมาภิบาลในระดับท้องถิ่น อ.จะนะ จ.สงขลา

- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น จัดเก็บข้อมูลทรัพยากรและสร้างข้อมูลกลางในรูปแบบ open data เพื่อบริการชุมชน ตลอดจนส่งเสริมการสื่อสารข้อมูลอย่างสร้างสรรค์

ความก้าวหน้าและผลกระทบทางสังคม

  • จัดเวทีทบทวนยุทธศาสตร์เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นร่วมกับกลุ่มย่อยอื่น ๆ ในเครือข่าย ในวันที่ 1 มีนาคม 2566
  • จัดประชุมแผนยุทธศาสตร์เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เรื่อง “จะนะเมืองการศึกษา” เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566
  • จัดทําชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจะนะโดยมีการแลกเปลี่ยนกับชุดข้อมูลของกรีนพีซและร่วมจัดกิจกรรมจากฐานทรัพยากร
  • จัดกิจกรรม “จะนะถนนสายศิลปะ” (Chana Art Street) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2566
  • จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การทําแผนที่และฐานข้อมูลชุมชนอย่างมีส่วนร่วม” (Participatory Mapping & Community Database Design Workshop)
  • กิจกรรมทบทวนและระดมความคิดเห็นยุทธศาสตร์จะนะยั่งยืนโดยเครือข่ายภาคประชาชน ณ บ้านบ่อโชน อ.จะนะ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2566

โครงการได้รับการสนับสนุนและดำเนินการเสร็จสิ้นในปี 2566

1. โครงการหลักสูตรสุจริตไทย

- หลักสูตร E-learning เรียนรู้ด้านความสุจริต ทุจริตสำหรับบุคคลทั่วไป และหลากหลายอาชีพ

ผลกระทบทางสังคม

  • จัดทำหลักสูตรสุจริตไทยเป็น E-learning เปิดให้เรียนฟรีได้ที่เว็บไซต์สุจริตไทย: https://thaihonesty.org/ ประกอบด้วย 5 หลักสูตรดังต่อไปนี้
    1. หลักสูตรสำหรับประชาชนทั่วไป
    2. หลักสูตรสำหรับนักเรียน/นักศึกษา
    3. หลักสูตรสำหรับ
    4. หลักสูตรสำหรับนักธุรกิจ
    5. หลักสูตรสำหรับนักการเมือง
  • เชิญชวนหน่วยงานต่าง ๆ ประกาศเจตนาสุจริตกับสุจริตไทย ขณะนี้มีหน่วยงานที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว 5 หน่วยงาน ได้แก่
    1. สำนักวิชาการศึกษาทั่วไปและนวัตกรรมการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
    2. ศูนย์บริหารงานการพัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (Human Capital Excellence Center: HCEC)
    3. คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
    4. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานครเขต 1
    5. โรงเรียนโพธิสารพิทยากร
  • สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ องค์กรวิชาชีพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมพัฒนา มีส่วนในการส่งต่อความรู้และค่านิยม ใช้หลักสูตรเพื่อการอบรม การปฐมนิเทศ ปัจฉิมนิเทศ คัดคนเข้าทำงาน ฯลฯ จำนวน 1,050 สถาบัน / องค์กร / ต่อปี
  • จำนวนผู้เข้าเรียนในหลักสูตรสุจริตไทย 10,475 คน/ปี
  • จำนวนผู้จบหลักสูตร 7,806 คน/ปี

2. กรณีศึกษา บทบาทของธนาคารในการป้องปรามคอร์รัปชันของลูกค้าธุรกิจ

- ศึกษากรณีศึกษาแนวปฏิบัติในการต่อต้านคอร์รัปชันภาคธนาคาร

ผลกระทบทางสังคม

  • ปรับแก้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิ
  • จัดเวทีเสวนาสาธารณะร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) วันที่ 29 มีนาคม 2566 หัวข้อบทบาทของสถาบันการเงินในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน” 
  • มีผู้เข้าร่วมเวทีเสวนาแบบออฟไลน์ทั้งหมด 42 คน ยอดผู้เข้าชมผ่าน Facebook live 467 วิว และยอดผู้เข้าถึง 67
  • จัดทำ E-book นำรายงานการศึกษาต่อสาธารณชน สามารถอ่านรายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์หัวข้อ รายงานการศึกษาบทบาทของสถาบันการเงินในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน

3. โครงการ Read to Kids ให้เด็กอ่าน ให้เด็กคิด

- นิทานที่ออกแบบผ่านมุมมองเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมในการสร้างค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงให้กับเด็ก

ผลกระทบทางสังคม

  • ขยายความร่วมมือร่วมกับ สถาบันพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม มูลนิธิยุวพัฒน์ ไปยังโรงเรียนในเครือข่ายโรงเรียนคุณธรรม 154 แห่ง
  • กิจกรรมแนะนำข้อมูลโครงการและชุดหนังสือแก่นิเทศอาสา เพื่อให้คำปรึกษาการใช้ชุดหนังสือแก่โรงเรียนเครือข่าย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 84 คน
  • ติดตามการใช้หนังสือและเก็บข้อมูลช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2566
  • จากการดำเนินโครงการประมาณการนักเรียนที่ได้อ่านและร่วมกระบวนการตามคู่มือ จำนวน 8,760 คน โดยมีผลลัพธ์ทางสังคมที่เกิดขึ้น ดังนี้
  • กลุ่มคุณครู ได้ประโยชน์จำนวน 146 คน
  • กลุ่มโรงเรียน เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรองที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ จากการได้รับหนังสือนิทานจำนวนทั้งสิ้น 1,460 เล่ม และมีโรงเรียนที่ได้รับจำนวน 146 โรงเรียน

4. โครงการ ACT Ai Connection พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเครือข่าย (Corruption Analysis Dashboard)

วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเครือข่ายผ่านนามสกุลระหว่างบุคคลที่เกี่ยวข้องในโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

ผลกระทบทางสังคม

  • คัดเลือก รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็นลักษณะดิจิทัล เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ (Machine-readable) โดยจะมีการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเครือข่ายผ่านนามสกุล มีการนำเข้าชุดข้อมูล 5 ชุด ได้แก่
    1. ข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
    2. ข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลที่เข้าร่วมกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
    3. ข้อมูลคำชี้มูลความผิดจากสำนักงาน ป.ป.ช.
    4. ข้อมูลรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา
    5. ข้อมูลรายชื่อผู้บริหารระดับสูงของ หน่วยงานภาครัฐ

รายละเอียดเพิ่มเติม www.cgfundthailand.com