“บริษัท กรีนเนท เอสอี จำกัด” กิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) เดินหน้าจัดงาน “Taste Sustainability – รักรส มีวนา รักษ์ป่า ยั่งยืน” ณ สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์  เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเชิญชวนให้ภาคธุรกิจ รวมทั้งประชาชนทั่วไปร่วมลงมือฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม รักษาป่าต้นน้ำ ผ่านการสนับสนุนและบริโภคกาแฟอินทรีย์รักษาป่า “มีวนา”  

จากข้อมูลสถิติการสำรวจพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยนับจากปี 2504 ซึ่งเป็นปีแรกทีมีการจัดทำสถิติป่าไม้พบว่าประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ 171.02 ล้านไร่ หรือร้อยละ 53.33 ของพื้นที่ประเทศ แต่ในปี 2557 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าเหลือเพียง 102.28 ล้านไร่ หรือร้อยละ 31.62 ซึ่งการหายไปของพื้นที่ป่า ส่งผลนานัปการ นอกจากสภาพดิน ฟ้า อากาศ ที่แปรปรวนแห้งแล้งแล้ว ยังส่งผลต่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ อันนำมาสู่ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่ามีวนา จึงได้ริเริ่มส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ในผืนป่า เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นนํ้าในจังหวัดเชียงราย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเป็นอยู่ทีดีขึ้นของเกษตรกร และเสริมสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ถือว่าเป็นกลุยทธ์ที่จะทำให้เกษตรกรและชาวบ้านในชุมชนหวงแหนรักป่า ฟื้นฟูป่าให้กลับมาสมบูรณ์

กลุ่มบริษัทพรีเมียร์เล็งเห็นประโยชน์ที่สังคมจะได้รับ จากพันธกิจของโครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า มีวนา จึงได้เข้ามาให้การสนับสนุน ด้วยตั้งใจที่จะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการสร้างความยั่งยืนของป่าต้นน้ำและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ยังเชื่อในพลังของความร่วมมือจากทุกภาคส่วนว่าจะสามารถขยายผลการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น และยังเสริมสร้างชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี มีรายได้ที่เหมาะสม สามารถอยู่ร่วมกับป่าไม้และธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน และยังเป็นการสร้างต้นแบบในการประกอบธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จได้ทั้งภาคธุรกิจ และสังคม  สร้างแรงบันดาลใจและความร่วมมือทั้งจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ผืนป่าของประเทศได้ด้วยกาแฟหนึ่งแก้ว

%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3-%e0%b8%9e%e0%b8%87%e0%b8%a8%e0%b8%98%e0%b8%a3คุณวิเชียร พงศธร กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ กล่าวว่า “ผมอยากเห็นภาคธุรกิจและสังคมโดยรวมมีความเชื่อร่วมกันว่า การประกอบธุรกิจที่สร้างคุณค่าสู่สังคมเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้จริง  อีกทั้งผู้บริโภคยังสามารถมีส่วนร่วมในการนำส่งคุณค่านั้นผ่านการสนับสนุนสินค้าหรือบริการ  ดังตัวอย่างของโครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่ามีวนา โครงการนี้ได้รับการออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  โครงการมีวนามีรายได้จากการจำหน่ายกาแฟ     ออร์แกนิค แต่ในขณะเดียวกันกระบวนการทั้งหมดของมีวนา ได้คำนึงถึงประโยชน์โดยรวมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวธุรกิจเอง  เกษตรกร  รวมถึงผู้บริโภคและสังคมโดยรวม ทำให้กระบวนการดำเนินงานทั้งหมดสร้างรูปแบบการอนุรักษ์     ป่าต้นน้ำอันเปรียบเสมือนโรงงานผลิตน้ำของเราทุกคนอย่างยั่งยืน  นอกจากนี้เกษตรกรในโครงการยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการรับซื้อเมล็ดกาแฟในราคาที่เป็นธรรมและจากการได้รับความรู้และเริ่มการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์  ขณะเดียวกันผู้บริโภคเองก็ได้รับประโยชน์ เพราะได้บริโภคกาแฟออร์แกนิคแท้ๆคุณภาพดีและได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์    ป่าต้นน้ำและในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษรตรกรในพื้นที่อย่างยั่งยืน ทุกคนในห่วงโซ่ธุรกิจนี้ได้ประโยชน์และได้มีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่าสู่สังคมไปพร้อมๆกัน”

คุณ ธีรสิทธิ์ อมรแสนสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีนเนท เอสอี จำกัด  ผู้ริเริ่มโครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า “มีวนา”  กล่าวว่า “เริ่มแรกจากการที่เราไปสัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่บ้านขุนลาว จังหวัดเชียงราย แล้วรู้สึกประทับใจ จึงมีแนวคิดต้องการรักษาป่านี้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ และไม่ต้องการให้เกิดการเผา  หรือแผ้วถางรุกล้ำ  เราจึงมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นมีภูมิประเทศ และภูมิอากาศที่เหมาะแก่การปลูกกาแฟ  ทั้งเรื่องความสูงจากระดับน้ำทะเล ดินเป็นดินภูเขาไฟในอดีต  รวมทั้งผู้นำชุมชนที่มีแนวคิดตรงกันกับเราที่ต้องการรักษาผืนป่านี้ไว้ เราจึงเข้าไปส่งเสริมให้ความรู้การปลูกกาแฟในป่าให้กับเกษตรกรในพื้นที่แทนการปลูกเสาวรส       ที่ต้องเปิดพื้นที่ป่าให้โล่งเพื่อต้องการแสงแดดอย่างเต็มที่  เราบอกพวกเขาว่ากาแฟเป็นพืชที่ต้องการร่มเงาสูงถึงร้อยละ 50 ดังนั้นคุณสามารถปลูกกาแฟได้โดยที่คุณไม่ต้องไปทำลายและบุกรุกป่า ยิ่งถ้าปลูกกาแฟใต้ร่มเงาป่าได้เยอะเท่าไหร่ ผลผลิตกาแฟยิ่งจะมีคุณภาพดี ต้นกาแฟจะแข็งแรง  ระบบนิเวศในป่าก็จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เมื่อป่าสมบูรณ์ห่วงโซ่อาหารในป่าก็จะดีขึ้น ซึ่งในความเป็นธรรมชาตินั้นถ้าผู้คนไม่ไปบุกรุกทำลายเพิ่มเติม ความสมดุล และสมบูรณ์ของป่าก็จะฟื้นตัวด้วยตัวมันเอง ผลผลิตที่ได้ก็จะมีความสมบูรณ์ ซึ่งกาแฟที่สมบูรณ์จะมีทั้งกลิ่น และรสชาติที่กลมกล่อม ทั้งหมดนั้นได้มาจากธรรมชาติโดยไม่มีสารเคมีเจือปน”

กาแฟอินทรีย์รักษาป่ามีวนา เป็นกาแฟออร์แกนิคพันธ์ุอาราบิก้าที่ปลูกภายใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ (Shade Grown) ในพื้นที่ป่าบนภูเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ควบคุมการปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ปราศจากสารเคมีในทุกขั้นตอน ซึ่งการปลูกกาแฟใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นไม่จำเป็นต้องตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก ในทาง        ตรงกันข้ามต้องปลูกต้นไม้ใหญ่เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มร่มเงาความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศแก่พื้นที่เพาะปลูก  ทำให้ผลผลิตกาแฟมีคุณภาพสูง รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมมากกว่ากาแฟที่ปลูกกลางเเจ้ง เนื่องจากการเติบโตที่เป็นไปตามธรรมชาติทำให้เมล็ดกาแฟดูดซึมสารอาหารภายในดินได้ดี     และทุกขั้นตอนการผลิตมีความพิถีพิถันตั้งแต่การปลูก กระบวนการเก็บด้วยมือทีละเมล็ด ไปจนถึงการคั่วภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อคงคุณค่าและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไว้อย่างครบถ้วน   นอกจากผู้บริโภคจะได้ดื่มกาแฟออร์แกนิคที่มีความหอมเฉพาะตัว โดยนักคั่วกาแฟที่ผ่านการอบรมการคั่วกาแฟจาก SCAE แห่งสหภาพยุโรป เพื่อให้ได้กาแฟที่มีกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อมลงตัว  เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟมีวนา  มีรสชาติเข้มเต็มรสจากธรรมชาติอย่างแท้จริงแล้วนั้น ผู้บริโภคยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติให้กลับคืนมาสมบูรณ์อีกด้วย

“จุดเด่นของกาแฟมีวนาคือเราปลูกกาแฟในป่าด้วยวิธีธรรมชาติในระบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลให้ผลกาแฟที่ออกมาสุกช้ากว่ากาแฟที่ปลูกทั่วไป ประมาณ 2 สัปดาห์ ความหมายคือผลกาแฟจะสามารถสะสมสารอาหารให้กับเมล็ดกาแฟได้นานขึ้นอีก 2 สัปดาห์ ทำให้กาแฟมีคุณภาพมาก อีกทั้งเราใส่ใจตรวจสอบคุณภาพด้านสีของเมล็ดกาแฟ ขนาด กลิ่น และรสชาติให้ตรงกับมาตรฐานกาแฟออร์แกนิค ทำให้เราได้รับรางวัลเกษตรอินทรีย์จากสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM: International Federation of Organic Agriculture Movements) ที่รับรองระบบงานเกษตรอินทรีย์ของโครงการส่งเสริมกาแฟอินทรีย์รักษาป่า‘มีวนา’  นอกจากนี้เรายังได้รางวัล Best Quality Award  จากการประกวดกาแฟคุณภาพในงาน Thailand Coffee, Tea and Drink 2 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2013 -2014 การันตีเช่นเดียวกัน  ทั้งหมดนี้ส่งผลให้กาแฟมีวนาเป็นกาแฟที่อยู่ในเกรดพรีเมี่ยม มีคุณภาพที่ดีกว่ากาแฟทั่วไป เราคาดหวังให้โครงการกาแฟอินทรีย์รักษาป่า ‘มีวนา’  เป็นต้นแบบไปพัฒนาพื้นที่ชุมชนต่างๆ เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในพื้นที่อื่นๆ ให้คนกับป่าได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน”

ในงานนี้เราได้เปิดตัวกาแฟรสชาติใหม่คือ มีวนา ซิกเนเจอร์ (MiVana Signature Blend) ซึ่งเป็นกาแฟออร์แกนิค อราบิก้า 100%  มีเอกลักษณ์ด้วยกลิ่นและรสชาติกลมกล่อมลงตัว  ใน 2 รูปแบบคือ เมล็ดกาแฟออร์แกนิคคั่ว ขนาด 200  กรัม   (Freshly roasted organic coffee bean) และ เมล็ดกาแฟออร์แกนิคคั่วบด ขนาด 60 กรัม (บรรจุ 6 แพ็ค)   (Freshly roasted and ground organic coffee)

นอกจากเรื่องรักษาป่าต้นน้ำอย่างยั่งยืนแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่โครงการส่งเสริมกาแฟอินทรีย์รักษาป่า     ‘มีวนา’  ปฏิบัติคือการค้าที่ให้ผลตอบแทนอย่างเป็นธรรมแก่เกษตรกร  โดยบริษัท กรีนเนท เอสอี เป็นหน่วยรับซื้อ-ขาย แปรรูป ผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต โดยดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักการแฟร์เทรดขององค์กรแฟร์เทรดโลก (World Fair Trade Organization – WFTO) คือ 1. สร้างโอกาสสําหรับผู้ผลิตที่ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ  2. มีความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติงาน  3. ดำเนินการค้าอย่างเป็นธรรม 4. ให้ราคาที่เป็นธรรม 5. ไม่ใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ  6. ไม่เลือกปฎิบัติ ให้ความเท่าเทียมทางเพศ และเสรีภาพในการรวมตัว  7. หลักประกันสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี  8. พัฒนาศักยภาพผู้ผลิตและเจ้าหน้าที่  9. รณรงค์เผยแพร่การค้าที่เป็นธรรม  และ10. อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  นอกจากนี้โครงการฯ ยังเพิ่มราคารับซื้อกับเกษตรกรที่ผลิตและขายเมล็ดกาแฟออร์แกนิคตามมาตรฐานที่กำหนด (Organic Premium)   เพื่อให้เกษตรกรในท้องถิ่นมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งเกษตรกรสมาชิกจะมีรายได้ จากการขายกาแฟมีวนามากถึง 90 ล้านบาทในเวลา 10 ปี  และยังมีเงินสนับสนุนอีกหนึ่งส่วนเพื่อนำไปพัฒนาชุมชนในพื้นที่ของเกษตรกรต่อไป สิ่งเหล่านี้สามารถตอบโจทย์ในเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ชาวบ้านมีอาชีพ และสร้างรายได้จากการขายผลกาแฟในราคาที่ดี  โดยที่ไม่ไปบุกรุกป่า และสะท้อนให้เห็นว่าคนและป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้งาน “Taste Sustainability – รักรส มีวนา รักษ์ป่า ยั่งยืน”   นอกจากมีการแนะนำเรื่องราวความเป็นมาของ โครงการส่งเสริมกาแฟอินทรีย์รักษาป่ามีวนาแล้วนั้น ยังได้รับเกียรติจาก คุณธนณชัย ศรศรีวิชัย (ต่อ ฟีโนมีน่า) ผู้กำกับ ภาพยนต์โฆษณาไทยอันดับต้นของโลก มาร่วมเล่าเรื่องราวการสร้างพื้นที่สีเขียวภายใต้แนวคิดทำสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งต่อตัวเอง และต่อสังคม พร้อมทั้งมีการพูดคุยกับตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหาร  ที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์มีวนา และการโชว์ดริปกาแฟจากบาริสต้ามืออาชีพทอมมี่ ธนบัตร กายเออร์ จากร้าน Now café by  Propaganda

งาน “Taste Sustainability – รักรส มีวนา รักษ์ป่า ยั่งยืน” ที่จัดขึ้นครั้งนี้ มุ่งหวังให้ผู้ร่วมงานตระหนักถึง พลังของการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนผ่านการสนับสนุนกาแฟอินทรีย์รักษาป่า มีวนา  พร้อมทั้งชักชวนให้ผู้บริโภคได้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาป่าต้นน้ำและส่งเสริมอาชีพเกษตรกรได้ง่ายๆ เพียงการบริโภคและ สนับสนุนกาแฟอินทรีย์รักษาป่ามีวนา “รักรส มีวนา รักป่า ยั่งยืน”

%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3 ดร.อริสรา กำธรเจริญ พิธีกรดำเนินรายการ และตัวแทนผู้ประกอบการที่ร่วมสนับสนุนกาแฟมีวนา คุณดาลิน สนิทวงศ์ ณ อยุธยา General Manager  โรงแรมรายาวดี จ.กระบี่ , คุณธนรัฐ อนันตโสภาจิตธ์  Coffee Brick ภูเก็ต  และคุณพฤฒิ เกิดชูชื่น กรรมการผู้จัดการบริษัท แดรี่โฮม จํากัด